นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในฤดูแล้ง ปี 2560/61 ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำแม่กลอง และลุ่มน้ำอื่นๆ ซึ่งมีปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ปีปกติ สามารถจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2560/61 ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่อยู่ระหว่างการกำหนดแผนการเพาะปลูก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคมนี้ รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน มีปริมาณน้ำต้นทุน สามารถสนับสนุนการเพาะปลูกพืชฤดูฝนฤดูกาลผลิตปี 2561 ได้ ยกเว้น พื้นที่ที่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา และอ่างเก็บน้ำลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากมีปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์น้อย จึงไม่สามารถสนับสนุนน้ำเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 2559/60 ได้

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ทั้งนี้การใช้น้ำในช่วงแล้งจาก 4 เขื่อนหลักคือ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดนและป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบันมีน้ำใช้การได้รวมกัน 10,833 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) มากกว่าปีที่ผ่านมาที่มีน้ำใช้การได้ 9,704 ล้าน ลบ.ม. และยังหวังว่าปริมาณฝนที่ยังมีอยู่ในเดือนตุลาคม จะส่งผลให้มีน้ำลงอ่างมากขึ้น โดย กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ว่า บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคใต้ จะมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ณ 1 ตุลาคม 60 มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 56,131 ล้าน ลบ.ม. หรือ 75% ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2559 รวม 9,411 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 32,312 ล้าน ลบ.ม. หรือ 63 % สามารถรองรับน้ำได้อีก 19,087 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก มีปริมาณน้ำรวมกัน 17,279 ล้าน ลบ.ม. หรือ 69 % ของความจุอ่างฯรวมกัน ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2559 รวม 2,657 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำใช้การได้ 10,583 ล้าน ลบ.ม. หรือ 58% สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 7,592 ล้าน ลบ.ม.

นายสมเกียรติ กล่าวว่า สำหรับการรับน้ำเข้าทุ่งต่างๆ จนถึงปัจจุบัน(1 ต.ค. 60) ใน ทั้งพื้นที่ฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา รวม 298.69 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 20% ของปริมาณน้ำที่รับได้ทั้งหมด แยกเป็น พื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ส่งน้ำเข้าระบบชลประทานผ่านประตูระบายน้ำมโนรมย์ลงสู่คลองชัยนาท – ป่าสัก ก่อนจะนำน้ำส่วนหนึ่งเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งต่างๆ ซึ่งมีปริมาณน้ำที่เกิดจากฝนตกในพื้นที่ ขังอยู่ในทุ่งเชียงราก มีปริมาณน้ำรวม 50.38 ล้านลบ.ม. ทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท-ป่าสัก มีปริมาณน้ำรวม 8.19 ล้านลบ.ม. ทุ่งท่าวุ้ง มีปริมาณน้ำรวม 6.15 ล้าน ลบ.ม. ทุ่งบางกุ่ม มีปริมาณน้ำรวม 32.98 ล้าน.ลบ.ม. ทุ่งบางกุ้ง มีปริมาณน้ำรวม 17.35 ล้านลบ.ม.

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ส่วนของพื้นที่ฝั่งตะวันตกของลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทาน ได้มีการส่งน้ำเข้าระบบชลประทานผ่านประตูระบายน้ำต่างๆ ก่อนจะนำน้ำบางส่วนเข้าไปเก็บไว้ในทุ่ง ที่มีปริมาณน้ำที่เกิดจากฝนตกในพื้นที่ขังอยู่แล้วบางส่วน โดย ส่งน้ำผ่านประตูระบายน้ำพลเทพ ลงสู่แม่น้ำท่าจีน จากนั้นจะรับน้ำเข้าไปเก็บไว้ในทุ่งโพธิ์พระยา มีปริมาณน้ำในทุ่งรวม 15 ล้านลบ.ม. ส่วนปริมาณน้ำที่รับผ่านประตูระบายน้ำบรมธาตุลงสู่แม่น้ำน้อย จะนำไปเก็บไว้ในทุ่งผักไห่ มีปริมาณน้ำรวม 88 ล้านลูกลบ.ม. ทุ่งป่าโมก มีปริมาณน้ำรวม 12 ล้าน ลบ.ม. และทุ่งเจ้าเจ็ด มีปริมาณน้ำรวม 52.59 ล้าน ลบ.ม.

“กรมชลประทาน จะทยอยนำน้ำเข้าไปในทุ่งต่างๆ ที่มีความพร้อมและได้รับการยินยอมจากราษฎรในพื้นที่ ที่ได้มีการทำประชาคมและมีมติร่วมกันแล้ว เพื่อใช้ประโยชน์ในการหมักตอซังเป็นปุ๋ยอินทรีย์ การเกษตร และการประมง โดยจะควบคุมระดับน้ำในทุ่งให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เนื่องจากยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิดด้วย อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มีปริมาณน้ำหลากจำนวนมากไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาแต่อย่างใด”นายสมเกียรติ กล่าว

 


แหล่งข้อมูล : มติชนออนไลน์
ภาพประกอบ : ทีมข่าวอ.สีคิ้ว ทีมข่าวอ.สีคิ้ว (Youtube)


Comments are closed.

Check Also

แกรนด์โอเพ็นนิ่ง “โคเอ็น” แบรนด์ดังร้านบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นปิ้งย่าง-ชาบู-ซูชิ ผงาดเจาะตลาดอีสาน ประเดิมโคราชแห่งแรก!

ดีเดย์ แกรนด์โอเพ็นนิ่งสุดยิ่งใหญ่ KOUEN PREMIUM BUFFET … …