จากกรณีที่ รถบรรทุกสินค้าของบริษัท ศิริมงคล โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งมีนาย สมพร พริ้มจรัส อายุ  58 ปี เป็นคนขับ ได้บรรทุก เบียร์กระป๋อง จำนวนกว่า 3,600 แพ็ก หรือประมาณ 86,400 กระป๋อง เพื่อมาส่งให้กับบริษัทภูเก็ต สิวลี จำกัด ได้เกิดอุบัติเหตุเสียหลักขณะเข้าโค้ง วันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 ปากซอยกิ่งแก้ว ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต

ส่งผลให้เครื่องดื่มเทกระจาดลงจากรถ และมีทรัพย์สินประชาชน ซึ่งเป็นรถซาเล้งซึ่งจอดอยู่ริมถนนได้รับความเสียหาย 3 คัน รวมถึงป้ายต่างๆ ก่อนที่ในช่วงเช้าจะมีชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวมาเก็บ ถึงแม้จะมีบางส่วนห้ามปรามแต่ก็ยังมีการเก็บนำกลับบ้าน ก่อนจะพบว่า เบียร์กระป๋อง ที่บรรทุกมาทั้งหมด ได้เทกระจาดลงจากรถ ไปจำนวนกว่า 3,300 ถาดหรือประมาณ 79,200 กระป๋อง เหลือบนรถ 300 ถาด หรือประมาณ 7,200 กระป๋อง

แต่หลังจากที่มีชาวมาเก็บที่ตกหล่น และบางส่วนยังเก็บส่วนที่อยู่บนรถไปอีก ทำให้เหลืออยู่ประมาณ 200 ถาดหรือประมาณ 4,800 กระป๋อง รวมสูญหายไปทั้งหมด 3,400 แพ็ก หรือประมาณ 81,600 กระป๋อง รวมความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 2 ล้านบาท ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 21 ม.ค. 62 พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่ลักทรัพย์ไปแล้วบางส่วน โดยแยกเป็นรายบุคคลไป โดยแยกเป็น 2 คดีคือ ถ้าผู้กระทำความผิดไม่มียานพาหนะ ก็จะดำเนินคดีตามความผิดฐาน “ลักทรัพย์ฯ” แต่ถ้ามียานพาหนะก็จะดำเนินคดีตามความผิด “ลักทรัพย์โดยมียานพาหนะฯ” ซึ่งลักษณะความผิดและน้ำหนักโทษจะไม่เท่ากัน

โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมมาดำเนินคดีมาแล้ว 4 ราย โดยทั้ง 4 ราย รับสารภาพทั้งหมดว่า ได้เอาไปดื่มกิน หลังจากที่เห็นคนอื่นเก็บ จึงเก็บด้วย ส่วนรายอื่นๆนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน โดยจะตรวจสอบเพิ่มเติมตามหลักฐานที่ปรากฏ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกมาทำการสอบสวน ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

ส่วนคนที่รับซื้อนั้นขณะนี้ยังไม่ปรากฏพบ แต่ถ้าสอบสวนแล้วเกี่ยวข้อง มีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะต้องดำเนินคดีฐานความผิด “รับซื้อของโจรฯ” ทั้งนี้ในส่วนของคนที่เหลือนั้นหากต้องการให้โทษจากหนักเป็นเบาก็ควรจะมาติดต่อขอมอบตัวหรือแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งในชั้นศาลในการพิจารณาคดีนั้นศาลท่านอาจจะใช้ดุลพินิจ ในการบรรเทาโทษให้ได้

อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนกรณีเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเข้าไปหยิบข้าวของหรือทรัพย์สินมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัว เพราะนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมผู้ประสบเหตุซึ่งได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้ว ให้ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มอีก ยังเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ควรจะให้การช่วยเหลือกันมากกว่า

 


แหล่งข้อมูล :  TVPoolOnline


Comments are closed.

Check Also

แกรนด์โอเพ็นนิ่ง “โคเอ็น” แบรนด์ดังร้านบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นปิ้งย่าง-ชาบู-ซูชิ ผงาดเจาะตลาดอีสาน ประเดิมโคราชแห่งแรก!

ดีเดย์ แกรนด์โอเพ็นนิ่งสุดยิ่งใหญ่ KOUEN PREMIUM BUFFET … …