เหตุการณ์ติดถ้ำของน้องๆ ทีมหมูป่า เรียกได้ว่าเป็นข่าวดังระดับโลก มีหน่วยงานและอาสาสมัครทั่วประเทศไทย รวมถึงนานาชาติ เข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง รวมถึงกลุ่ม “ชาวนาฮีโร่” เหล่านี้

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพาน้องๆ ทีมหมูป่าอะคาเดมี ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนออกมา หากนับดูก็เป็นเวลาถึงกว่าสองอาทิตย์แล้วที่พวกเขาติดอยู่ในถ้ำ จนถึงตอนนี้แม้จะมีบางส่วนได้ออกมา แต่ก็ยังมีน้องบางคนและโค้ชที่ต้องรอเวลาวันนี้อีกหนึ่งวัน

นับตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาติดถ้ำ จนถึงตอนนี้มีหน่วยงานหลายภาคส่วนทั้งไทยและนานาชาติเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร, หน่วยซีลทั้งไทยและนานาชาติ อาสาสมัครจากหลายๆ หน่วยงาน และกลุ่มชาวนา ที่คอยรับน้ำจากการสูบออกจากถ้ำไปยังทุ่งนาของพวกเขา

แม่บัว ชัยชื่น อาสาสมัครที่คอยทำอาหารให้กับหน่วยกู้ภัย ทีมหมูป่า ในถ้ำหลวง และเธอยังเป็นเจ้าของทุ่งนาที่คอยรับน้ำจากการสูบออกจากตัวถ้ำด้วย

สองสัปดาห์ที่ผ่านมา น้ำที่ถูกระบายออกจากถ้ำมากกว่า 130 ล้านลิตรได้เข้าท่วมทุ่งนาของชาวนาในละแวกนั้น และทำลายต้นข้าวที่พวกเขาปลูก โดยแม่บัวบอกว่า เธอเพิ่งปลูกข้าวได้เพียงไม่นานก่อนจะไปเป็นอาสาสมัคร เมื่อกลับมาน้ำก็ท่วมประมาณสองฟุตแล้ว ต้นข้าวใหม่ๆ ที่กำลังขึ้นถูกน้ำท่วมหมด แต่เธอไม่สนใจ แถมยังบอกว่า

“มันไม่สำคัญเลย สบายมาก ฉันอยากให้เด็กๆ ปลอดภัย พวกเขาสำคัญมากกว่าข้าว ข้าวปลูกใหม่ได้เสมอ แต่ชีวิตของเด็กๆ ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้”

แม่บัวยังบอกอีกว่าทุ่งนาของเธอ ยังถือว่าโชคดีกว่าของคนอื่น ข้าวได้รับความเสียหาย แต่ไม่ถูกทำลาย ยังมีชาวนาคนอื่นๆ ที่ทุ่งนาของพวกเขาได้รับความเสียหายมากกว่าเธอ แต่ทุกคนเต็มใจสุดๆ เพราะอยากให้เด็กออกมาจากถ้ำอย่างปลอดภัย

ถึงแม้จะมาเป็นอาสาสมัครที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน แต่ตอนนี้แม่บัวก็ไม่ได้มาทุกวันเหมือนตอนแรก เพราะหลังจากสามีเสียชีวิตไป ก็ไม่มีใครดูแลนาให้  เธอต้องดูแลนาข้าวเองทั้งหมด จึงมาช่วยได้เพียงทุกๆ สองวัน

สิ่งหนึ่งที่เราประทับใจในคำพูดของแม่บัว อาสาสมัครและผู้เสียสละในงานนี้ คือ

“ฉันภาวนาทุกๆ วัน ให้พวกเขาได้ออกมาจากถ้ำเร็วๆ งานนี้เป็นงานใหญ่ที่รวมตัวกันของคนไทยทั่วประเทศ และคนทั่วโลก ฉันรู้สึกได้ถึงความรักและความห่วงใยที่ทุกคนมีให้กัน ทุกๆ คนเข้มแข็งมาก และทุกๆ คนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

นอกจากนี้ยังมีเสียงของชาวนาฮีโร่อีกหลายราย แต่ละคำของเขาอ่านแล้วเห็นถึงภาพท้องฟ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาแต่ก็ยังมีขนาดเล็กกว่าสิ่งที่ใต้อกเบื้องซ้าย สิ่งที่เรียกว่า “หัวใจ”

ตัวแทนชาวนาบ้านหนองอ้อ

ชาวนาดวงใจ : น้ำท่วมนาฉันไป 17 ไร่ แต่ฉันดีใจที่ละอ่อนได้ออกจากถ้ำแล้ว ดีใจที่ละอ่อนปลอดภัย
ชาวนาสมเกียรติ : ของผมโดนไป 7 ไร่ แต่ไม่เป็น อยากให้น้องออกมามากกว่า ที่ผ่านมานอนไม่หลับเลย สงสารน้อง
ชาวนาธีทัต : นาผมอยู่โป่งผา 21 ไร่ ท่วมหมด แต่ดีใจนะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือเด็ก ถึงตัวเราจะไม่ได้ทำอะไร ก็ให้นาเรานี่แหละเป็นที่รับน้ำ
ชาวนาศักดิ์ดา : มองน้ำท่วมนา 16 ไร่ แต่ใจมันยิ้มเพราะสบายใจแล้ว นาท่วมราชการท่านก็เยียวยาให้ แต่คนตายมันเยียวยาไม่ได้นะ
ชาวนาชัย : นา 24 ไร่จมอยู่ในน้ำ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวหลวงสูบน้ำระบายออกก็ค่อยปลูกใหม่

ตัวแทนชาวนาบ้านสันปูเลย

ชาวนาดำเนิน :  ช่วยคนดีกว่าครับ ขอให้น้องรอด มันท่วมก็ไม่ว่ากัน ยอมเสียขอให้น้องๆ ออกมา
ชาวนาจันทร์ : ต้องช่วยเหลือคนให้รอดชีวิตออกมาก่อน ข้าวตายปล่อยตายไป หว่านใหม่ได้ ดำใหม่ได้ ยังไงก็ต้องช่วยคนก่อน

ขณะที่ผู้ใช้เฟสบุ้ค Walee Mayer ก็ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความบนพื้นที่ออนไลน์ส่วนตัวว่า …

30 มิถุนายน 2561 : มีความตื่นเต้น​นิดๆ ที่น้ำใกล้จะท่วมบ้าน​ เช้านี้น้ำมาเร็วขึ้น​ คิดเองว่าเครื่องสูบน้ำที่เดินทางมาถึงคงเริ่มทำงานละ​ ขอให้น้ำลด​ ขอให้เจอน้องๆ เร็วๆ นี้​ ขอให้ทีมปลอดภัย **ตอนนี้​น้ำลดลงแล้วนะค่ะ​ ขอ​ขอบคุณ​ชาวนาทุกคนที่เข้าใจและยอมเสียสละ

ข่าวดีคือนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งชดเชยชาวนาพื้นที่รับน้ำช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง ไร่ละ 1,113 บาท โดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้มีน้ำท่วมนาข้าว 3 ตำบล ได้รับความเสียหาย 1,600 กว่าไร่ คิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ยังจะมีการสำรวจเพิ่มเติมอีกต่อไป

 

ส่วนนายอภิรมย์  สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ก็ออกมาเปิดเผยว่า ธ.ก.ส. พร้อมให้ความช่วยเหลือเกษตรกร รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีการเร่งระบายน้ำจากวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย  จังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยเหลือเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าจำนวน 13 ชีวิต  โดยได้มอบหมายให้พนักงาน ธ.ก.ส.ในพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหาย

การเสียสละของชาวบ้านครั้งนี้  ถือเป็นน้ำใจอันยิ่งใหญ่ที่คนไทยได้แสดงออกมาเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามวิกฤติ   ธ.ก.ส. จึงขอเป็นกำลังใจโดยมอบเงินจากกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัย ให้กับชาวบ้านครัวเรือนละ 3,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรงให้กับผู้ได้รับผลกระทบทุกราย

ในกรณีที่เกษตรกรในกลุ่มดังกล่าวได้ทำประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2561 ซึ่งกำหนดอัตราการชดเชยค่าเสียหายไร่ละ 1,260 บาท  ธ.ก.ส. จะเร่งประสานสมาคมประกันวินาศภัยไทยให้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้กับเกษตรกรโดยเร็ว   ซึ่งการช่วยเหลือดังกล่าว จะทำให้เกษตรกรเฉพาะผู้ที่ทำประกันภัย ได้รับการเงินช่วยเหลือและเงินชดเชยรวมไร่ละ 2,373 บาท

ถึงตรงนี้เชื่อว่าคนอ่านทุกคนคงร่วมอนุโมทนาสาธุกับมาตรการที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปเยียวยา แต่ก็ยังแอบหวังใจอยู่ว่า อาจจะมีภาคเอกชนหรือคนดังในสังคม ออกมาทำแคมเปญรับบริจาคช่วยเหลือพี่น้องชาวเกษตรกรเชียงรายด้วย

 

แหล่งข้อมูลและภาพประกอบ : AFP , www.abc.net.au , 77ข่าวเด็ด, Walee Mayer


Comments are closed.

Check Also

แกรนด์โอเพ็นนิ่ง “โคเอ็น” แบรนด์ดังร้านบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นปิ้งย่าง-ชาบู-ซูชิ ผงาดเจาะตลาดอีสาน ประเดิมโคราชแห่งแรก!

ดีเดย์ แกรนด์โอเพ็นนิ่งสุดยิ่งใหญ่ KOUEN PREMIUM BUFFET … …