ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้บูรณาร่วมกับ อุทยานแห่งชาติทับลาน และศปป.4 กอ.รมน. วางแผนใช้ระบบติดตามเฝ้าระวัง กลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูง หลังจากได้เข้ามาตัดโคนไม้พะยูงจำนวน 2 ต้น เมื่อวันที่ 22 กันายน 2560 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง ในเขตสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ซึ่งชุดปฏิบัติการได้ติดตามขยายผลขบวนการดังกล่าวมาระยะหนึ่ง จนทราบว่ามีกลุ่มนายทุนชาวเวียดนาม ร่วมมือกับนายทุนจากจังหวัดขอนแก่นอยู่เบื้องหลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 20 ตุลาคม ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร ได้รับแจ้งเตือนจากระบบติดตาม ว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปจุดที่ไม้ถูกโคนล้มไว้ ชุดปฏิบัติการจึงจัดวางกำลังเฝ้ารอ จนถึงเวลา 04.30 น. กลุ่มขบวนการได้เคลื่อนย้ายไม้ออกจากป่ามาที่ริมทางหลวงหมายเลข 304 ซึ่งมีรถของขบวนการจอดรออยู่ทั้งหมด 4 คัน ชุดปฏิบัติการจึงใช้รถเข้าปิดล้อมจับกุมไม่ให้หลบหนี ขณะนั้นได้มีเสียงปืนดังขึ้น รถของกลุ่มขบวนการทั้ง 4 คัน พยามแวกวงล้อมเจ้าหน้าที่เพื่อหลบหนี จึงกระจายกำลังกันติดตามได้จำนวน 2 คัน คันแรกเป็นรถอีซูซุมิวเซเว่น ภายในรถพบไม้พะยูง 1 ท่อน คันที่ 2 เป็นรถโตโยต้า อินโนวา ซึ่งผู้ต้องหาได้ล็อกรถ และหลบหนีการจับกุมวิ่งเข้าไปในป่ายังติดตามตัวไม่ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกชุดที่ประกอบด้วยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร พร้อมด้วย พ.อ. พงษ์เพชร เกษุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. ได้ติดตามรถของขบวนการอีกคันอย่างกระชันชิด แต่ไม่สามารถติดตามไปได้ เนื่องจากรถถูกยิงเข้าแก้มรถด้านซ้ายหน้า กระสุนทะลุไปถูกยางจนแตก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับปฎิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 คน โดย 1 ในผู้ต้องหาทราบชื่อคือนายสมิง สอนครบุรี ยอมรับในเบื้องต้นว่า ได้รับว่าจากนายทุนชาวเวียดนามและนายทุนจาก จ.ขอนแก่น ให้มานั่งอยู่ในรถคุ้มกันไม้พะยูง ขณะเจ้าหน้าที่ล้อมจับกุม ตนเองขึ้นรถหลบหนีไม่ทันจึงถูกจับกุม และยอมรับว่าในกลุ่มขบวนการที่หลบหนีไปได้มีการพกพาอาวุธมาด้วย ทราบชื่อว่านายไก่ สำหรับคนอื่นๆ ไม่ทราบชื่อ มาด้วยกันทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 10 คน แหล่งข้อมูล : มติชนออนไลน์
