จากการที่ แดปเปอร์ ได้เชิญชวนคนไทยทุกคน เข้าร่วม โครงการพระราชดำริ “70 เส้นทาง ตามรอยพระบาท” กับ Dapper โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการ สืบสานโครงการในพระราชดำริ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และมีความจงรักภักดี ต่อในหลวง รัชกาลที่ 9 อีกทั้งเป็นโครงการที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกและการรับรู้ ของประชาชนชาวไทย ต่อโครงการ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร. 9 ที่ทุ่มเททรงงานหนัก เพื่อให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดี” ภมรทิพย์ ศรีไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แดพเพอร์ เจ็นเนอรัล อะแพเร็ล จำกัด กล่าวว่า “นับว่าเราประสบความสำเร็จ โดยมีผู้ที่เดินตามรอยเท้าพ่อ เลือก เดินทางท่องเที่ยว ไปสัมผัส เพื่อเยี่ยมชม โครงการ ฯ พร้อม ถ่ายภาพ และเขียนข้อความประทับใจ แล้วโพสต์ใน Facebook หรือ ส่งผ่านไลน์ @dapperbrand มาหลากหลายสถานที่และหลากหลายโครงการฯ ที่น่าสนใจ และพัฒนาในส่วนที่เราคาดไม่ถึง อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์สิรินทร จ.สุรินทร์, โครงการพัฒนาป่าไม้ตามพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก, โครงการอัมพวา-ชัยพัฒนานุรักษ์ จ.สมุทรสงคราม, ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย-นาเฮียใช้ จ.สุพรรณบุรี, โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ ตามพระราชดำริ จ.ชุมพร ” สำหรับ โคราช มีโครงการพระราชดำริ 2 โครงการคือ ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงฯค่ายสุรนารี และ ศูนย์ส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษ วังน้ำเขียว นอกเหนือจากขุนพล นักเตะ Swatcat และ ทุกท่านที่ร่วมโครงการฯ ได้เขียนข้อความที่ประทับใจ และความรู้สึกที่เมื่อเข้าไปสัมผัส แล้ว ได้อย่างหลากหลายมุมมอง และแนวความคิด ซึ่งทำให้ผู้อ่านได้ทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และแง่มุมบางส่วนที่คาดไม่ถึง จึงอดที่จะขอนำเสนอข้อความบางส่วนมาเผยแพร่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจสำหรับท่านในการที่จะเลือกเป็นจุดหมายในแผนการท่องเที่ยวของท่าน เมธี ทวีกุลกาญจน์ : ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงฯ ค่ายสุรนารี “ผมมาอยู่ที่โคราชเป็นเวลา 4 ปี ไม่เคยรู้เลยว่ามีโครงการพระราชดำริแบบนี้ในโคราช ขอบคุณแดปเปอร์ที่ได้แนะนำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเวลาว่างจากการซ้อมฟุตบอล ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงค่ายสุรนารีฯ อยู่ไม่ไกลเลย เป็นศูนย์สาธิตการทำเกษตรกรรมรูปแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายหลักคือการปลูกฝังอุดมการณ์ในเรื่องการปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงก่อนกลับแวะชิมอาหารที่ร้านอาหาร และร้านขายผักปลอดสารพิษ ที่เป็นผลผลิต จากการปลูกผักต่างๆ ในศูนย์” เดชา สร้างดี : ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงฯ ค่ายสุรนารี ไปเที่ยวศูนย์การเรียนรู้ฯ ที่ค่ายสุรนารีมา ใด้ความรู้หลายเรื่องที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ริเริ่มทำ เพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับ ชาวโคราชเช่น มีการจัดแสดงแปลงเพาะปลูก และมีกการอบรม ด้านการประมง การเลี้ยงไก่โคราช การปลูกมะนาว การทำปุ๋ย การจัดทำโซล่าเซลล์เพื่อประหยัดพลังงาน ก่อนกับบ้านซื้อผักปลอดสารพิษ ซึ่งปลูกกันเองด้วยฝีมือกลุ่มแม่บ้านภายในศูนย์ฯ คุ้มค่ามากที่ได้มา จริงๆ แล้วรู้จักมาก่อน เพราะขับรถผ่านประจำ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมแล้ว สิ่งแรกที่คิดคือ รู้มึกภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ในรัชกาลที่ 9 กีรติ เขียวสมบัติ : ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงฯ ค่ายสุรนารี เคยได้ยินว่า ในหลวง ร.9 มีโครงการพระราชดำริฯ แต่ไม่เคยรู้ว่า คืออะไร ทำอะไรบ้าง พอมีโอกาสได้เข้าไปเที่ยวใน ศูนย์การเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงค่ายสุรนารีฯ ถึงได้เห็นถึงความตั้งใจของพระองค์ท่าน ที่ได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่ไม่มีใครเหลียวแล แต่ท่านกลับพลิกฟื้นคืนธรรมชาติให้ชาวบ้านอยู่ได้ด้วยพืชเศรษฐกิจ ที่เหมาะสมซึ่งเป็นพืชที่ให้รายได้แก่ชุมชน นำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนและพอเพียง รวมถึงการอยู่ดีกินดี ภายในศูนย์เราจะได้เรียนรู้ แนวคิด หลักการ และวิถีชีวิตของเกษตรกรด้านต่างๆ ในอาคารนิทรรศการ การจัดแสดงงานหัตถกรรมทอผ้าไทยที่งดงาม ที่อาคารศิลปาชีพ และสามารถทดลองปลูกเห็ดนางฟ้า รวมถึงผลไม้และพืชผักสวนครัวอื่นๆ พร้อมซื้อกลับไปทานที่บ้านได้ รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น บูรพา ปัญจะไพศาล : โครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษ วังน้ำเขียว โครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษอันเนื่องมาจากพระราชดำริ วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ในอดีตพื้นที่บางแห่งมีสภาพเป็นภูเขาเสื่อมโทรมจากการทำไร่เลื่อนลอยด้วยสารเคมี จนกระทั่งชาวบ้านได้รวมกลุ่มปลูกพืชไร้สารพิษ ในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ ตามแนวทางพระราชดำริ จากการเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมาย สองข้างทางได้พบเห็นเกษตรกรที่สร้างสรรค์พื้นที่ทำกินเต็มไปด้วยพืชผัก สวนผลไม้ และไม่พลาดที่จะแวะลงไปลิ้มลองความอร่อยและปลอดสารเคมี ทั้งผักกาด ผักสวนครัวมากมาย และผลไม้ที่มีมากอย่างพุทรานมสดที่ขึ้นชื่อ แคน อติรุจ onenews : โครงการชั่งหัวมัน จ.เพชรบุรี เมื่อก่อนผืนดินตรงนี้ทำการเกษตรไม่ได้เลย ปลูกอะไรไม่ขึ้น เพราะสภาพของดินที่เป็นดินทรายปนหิน ไม่มีความชุ่มชื้นเลย ชาวบ้านจึงปล่อยทิ้งร้าง ไม่มีใครใช้ประโยชน์ จนในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จมาฟื้นฟู แต่ที่ชอบที่สุดเลยคือที่มาของชื่อโครงการนี้ “ชั่งหัวมัน” มาได้ยังไง แล้วผมก็ได้คำตอบครับ ปี 2551 มีความวุ่นวายทางการเมือง พระองค์ท่านก็ได้นำหัวมันเทศวางไว้บนตาชั่ง เหมือนจะสื่อว่า “ช่างหัวมัน” เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป หัวมันที่อยู่บนตาชั่งก็งอกออกมา พระองค์จึงตรัสว่า “หัวมันเทศไม่มีน้ำไม่มีดินยังงอกได้ แต่ที่โครงการ มีทั้งน้ำมีทั้งดิน น่าจะดีกว่าบนตาชั่งนี้” หลังจากนั้นจึงได้นำมันเทศมาปลูกที่โครงการ และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ที่โครงการสามารถปลูกพืชได้จำนวนมาก กลายเป็นพื้นที่เขียวขจี และนี่ก็คือที่มาของชื่อโครงการ “ชั่งหัวมัน” ครับ มาเที่ยวที่นี่จะมีรถรางพร้อมกับวิทยากรที่จะคอยอธิบายในจุดต่างๆ ให้ฟังครับ ได้ความรู้ และได้เห็นพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านอีกด้วย จุดหนึ่งในโครงการที่แคนประทับใจมากๆคือ เรือนที่ประทับ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ใช้ทรงงาน เมื่อครั้งเสด็จมาที่นี่ครับ เพราะดูจากภายนอกแล้วไม่เหมือนที่อยู่ของพระมหากษัตริย์เลย ดูเป็นบ้านไม้ธรรมดาหลังหนึ่ง นั่นแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นต้นแบบของคำว่าพอเพียงจริงๆครับ ที่สำคัญในโฉนดที่ดินระบุว่า เจ้าของบ้านเป็น “เกษตรกร” “เราได้คัดเลือกผู้ที่โชคดีจำนวน 89 ท่านเพื่อรับรางวัล Dapper Vintage Suitcase รุ่นlimited edition ที่จัดทำขึ้นพิเศษ สำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งนับว่ามีคุณค่าทางด้านจิตใจ และ เหมาะแก่การเป็น decorative item ให้อยู่ในความทรงจำตลอดไป” “แดปเปอร์ ดีใจและภูมิใจ ที่ได้ทำกิจกรรม ร่วมกับพี่น้องชาวไทย เพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร. 9 ” ภมรทิพย์ กล่าวในที่สุด ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : รัชฏา ไชยันต์ ณ อยุธยา โทร.081-8328913
