นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นายสรคม มะลิอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมการบินเอเชีย จำกัด ได้เข้าพบเพื่อสอบถามถึงนโยบายเกี่ยวกับโครงการศูนย์ซ่อมและผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน โดยบริษัทสนใจที่จะลงทุนทั้ง 2 แห่ง คือ สนามบินนครราชสีมา และสนามบินอู่ตะเภา ทั้งนี้ในส่วนของสนามบินนครราชสีมานั้น กรมท่าอากาศยานอยู่ระหว่างการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทพัฒนาว่าจะเป็นรูปแบบใด จะมีการพัฒนาศูนย์ซ่อมหรือไม่ คาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนสนามบินอู่ตะเภาของกองทัพเรือนั้น เบื้องต้นบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ซึ่งมีศูนย์ซ่อมอยู่ที่อู่ตะเภาเดิมอยู่แล้ว ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับบริษัท แอร์บัส เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการพัฒนาธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน(เอ็มอาร์โอ) เบื้องต้นจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ พีพีพีอยู่แล้ว นายสรคม มะลิอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมการบินเอเชีย จำกัด กล่าวว่า สนใจที่จะลงทุนอู่ซ่อมบำรุงอากาศยาน(เอ็มอาร์โอ) และศูนย์ผลิตชิ้นส่วนอากาศยานที่อู่ตะเภา และนครราชสีมา ดังนั้นจึงมาขอทราบนโยบายจากกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อวางแผนลงทุนต่อไป โดยจะมีผู้ร่วมทุนจากต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ และอินเดียเข้าร่วมด้วย โดยบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ไว้พร้อมสำหรับการลงทุนทันทีหากรัฐมีนโยบายชัดเจน เพราะปัจจุบันบริษัทรับซ่อมเครื่องบินขนาดเล็ก เช่น เช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟลต์) และเครื่องบินส่วนตัวปีละ 4-5 ลำ และมีแผนขยายรับซ่อมเครื่องบินกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา ซึ่งเตรียมที่จะลงนามเซ็นสัญญากันเร็วๆนี้ นอกจากนี้มีแผนที่จะเปิดสายการบินใหม่ในเร็วๆนี้ ภายใต้บริษัท ไทยพลาตินั่ม อินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ แต่จะให้บริการเส้นทางบินไหนนั้นอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงาน โดยเป็นการเทคโอเวอร์หรือซื้อกิจการจากสายการบินอื่นและเข้ามาบริหารงานต่อแต่เป็นสายการบินใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ “ขณะนี้ได้กู้เงินจากแหล่งเงินกู้ต่างประเทศประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท เพื่อลงทุนธุรกิจด้านการบิน ซึ่งขณะนี้คงต้องรอผลการศึกษาเรื่องศูนย์ซ่อมอู่ตะเภาที่การบินไทยกำลังศึกษากับผู้ผลิตเครื่องบินแอร์บัส และกรมท่าอากาศยาน(ทย.) ซึ่งศึกษาที่นครราชสีมาให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน แต่ถ้าหากนโยบายรัฐไม่ชัดเจนเรื่องนี้ก็คงต้องหาลงทุนในด้านอื่นต่อไป” แหล่งข้อมูล : มติชนออนไลน์
