หนึ่งปีเวียนมาบรรจบเมื่อลมหนาวแวะมาทักทาย เป็นช่วงเวลาอันดีที่ทุ่งดอกคอสมอส และดอกทานตะวันจะผลิดอกสะพรั่งต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศให้มาเยี่ยมชมความงามกันอย่างเต็มที่ ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ในเขตเมืองอย่าง ศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยทางการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา หรือสวนเกษตร 100 ไร่ ข้างสวนสัตว์นครราชสีมา ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้มาชมความงามของทุ่งคอสมอส และดอกทานตะวันฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น! แม้เวลาจะล่วงมาเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว แต่บรรยากาศที่สวนเกษตร 100 ไร่ ก็ยังมีประชาชนทยอยเดินทางมาชมทุ่งดอกคอสมอส และดอกทานตะวันกันอย่างต่อเนื่องโดยไม่หวาดหวั่นต่อแสงแดดที่ร้อนแรงเลยแม้แต่น้อย เพราะภายในมีร่มไม้ขนาดใหญ่ผนวกกับสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิลดลงทำให้มีลมหนาวพัดโชยมาช่วยคลายร้อนตลอดทั้งวัน ด้านหน้างานจะมีจุดให้ประชาชนได้สนุกสนานไปกับการศึกษาดูงานการแสดงการเพาะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์พร้อมให้อาหารแก่แพะอย่างใกล้ชิด ภายในงานยังมีการจัดป้ายข้อความต่างๆ สร้างสีสันไว้หลายจุดเพื่อให้ประชาชนได้ถ่ายภาพ พลางช็อปผลิตภัณฑ์จากโรงเพาะเห็ด และผักผลไม้ปลอดสารพิษ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชม และเลือกซื้อในราคาถูกอีกด้วย ในส่วนของร้านค้าจะตั้งอยู่ในซุ้มที่จัดทำขึ้นอย่างเรียบง่ายจากวัสดุที่หาได้ในธรรมชาติ เมื่อเดินทางมาให้ยามบ่าย ร่มไม้จะปกคลุมบริเวณนี้พอดิบพอดี ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมชิมช็อปได้แบบชิวๆ และที่พลาดไม่ได้เลยคงเป็นผลิตภัณฑ์ฝีมือนักศึกษาโปรแกรมวิชาเทคโนโลยีเซรามิกส์รุ่นแรก ที่นอกจากของจะสวยแล้ว คนขายยังหล่ออีกฮะท่านผู้ชม ใครชอบหนุ่มหล่อผมยาว มาดเซอร์ สุภาพ รอยยิ้มกระชากใจ แนะนำให้ไปร้านเซรามิกส์และเครื่องหนังไปเลย สายตลกโปกฮาต้องพ่อค้าเห็ด (แต่ระหว่างคุยกับเฮียแกต้องดึงสตินิดนึงนะ ฮ่าๆๆ) โดยรวมแล้วสวนเกษตรร้อยไร่เป็นแหล่งกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร กิจกรรมสัตว์หรรษา ชมความสวยงามของทุ่งคอสมอส ทุ่งทานตะวันถือเป็นไฮไลท์เด็ดที่จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือดอกทานตะวันที่เราเห็นอยู่นี้ถือเป็นผลผลิตที่ได้ศึกษาวิจัยพัฒนาสายพันธุ์จนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30-40 เซนติเมตร เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปปลูกเชิงพาณิชย์ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ พร้อมทั้งแปลงธัญพืชเพื่อสุขภาพ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยราชภัฏฯได้เปิดให้ชมได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 15 มกราคม ปีหน้า ***โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น***
