Korat Startup Magazine Spacial Interview | บทสัมภาษณ์ผู้บริหาร คุณจักริน เฉิดฉาย อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา : ธุรกิจหมอยาพลาซ่า “เราเน้นทำ ในสิ่งที่เราถนัด ไม่ได้ทำเพื่อแข่งกับใคร” วันนี้เรามีโอกาส ไปสัมภาษณ์ คุณจักริน เฉิดฉาย ผู้บริหารธุรกิจค้าปลีกไซส์เล็ก หรือคอนวีเนี่ยนสโตร์ ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมืองโคราช ซึ่งหากเอ่ยชื่อแบรนด์ หลายท่านคงรู้จักกันดี ในนาม “หมอยา พลาซ่า” อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา หลายสมัย เป็นอีกผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทาง นำพาเศรษฐกิจและการค้า ในจังหวัดนครราชสีมา ให้ดำเนินไปอย่างเกิดประสิทธิภาพและเข้มแข็ง Korat Startup : จุดเริ่มต้นของหมอยาพลาซ่า มีที่มาอย่างไร? หมอยาพลาซ่า : ย้อนไปเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 เราเปิดร้านยาครั้งแรก ที่นอริสท์ซิตี้ เป็นร้านขายยาเล็กๆ น่าจะพื้นที่กว้าง 4 คูณ 5 เมตร อยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ขายกับน้องอีกคน ก็มีความสุขดี แต่วันนึงเราก็คิดว่า เราอยากมีสาขา มีให้เยอะที่สุดในโคราช จนเราทำสำเร็จมาช่วงนึง ที่เรามี 5 สาขา ตอนนั้นยังไม่มีใครมี แต่ตอนนี้มีคนเกินเราไปแล้วมีคนเปิดสาขาที่โมเดลคล้ายเรา เพราะเราหยุดมา 4 – 5 ปี Korat Startup : ในการเข้ามาของกลุ่มทุนจากส่วนกลาง อย่างเช่น พวกร้านสะดวกซื้อแบรนด์ดัง ที่ปัจจุบันมีการขยายสาขาแทบทุกซอกซอย มีผลกระทบต่อธุรกิจ หมอย่าพลาซ่าอย่างไร? หมอยาพลาซ่า : เรามองว่า ถึงแม้จะมีการขยายสาขาเข้ามา ของพวกร้านเซเว่น โลตัส เอ็กเพรส หรือแม้แต่ปัจจุบัน บิ้กซีมินิ ก็มีสาขาในเมืองโคราชแล้ว แต่เรามองว่ามันยังมีช่องว่างอยู่ ช่องว่างที่จะให้เราสู้ ช่องว่างที่เราจะเติบโต เราจะบุกน้อยหรือมากก็ได้ ตอนนี้เราถือว่าเราอยู่ในจุดที่เรียกว่า เข้มแข็งแล้ว จึงไม่กระทบเท่าไร ในธุรกิจของเรา หากมีการส่งต่อธุรกิจไปยังอีกเจเนอเรชั่น ด้วยพื้นฐานตอนนี้ บวกกับการปรับนิดๆ หน่อยๆ ก็คงอยู่ได้สบาย Korat Startup : ช่องว่างที่หมอยาพลาซ่า จะเติบโต จะเป็นอย่างไร? หมอยาพลาซ่า : แน่นอน ต้องเป็นการขยายสาขา ในตอนนี้ เรามีหมอยาพลาซ่าแบบเต็มรูปแบบอยู่ 5 สาขา และจะเพิ่มเป็น ุ6 สาขา ในอีก 3 เดือนนี้ ที่ศรีษะระเริง ในตอนแรกเราคุยกันกับทีมงานของเราว่า เราจะเติบโตได้อีกสักเท่าไร ในรุ่นเราที่วัยใกล้จะ 60 ปี หรือว่าเราจะเปลี่ยนมาประคองพออยู่รอดก็พอ แต่เราคิดว่า เราจะโตเพิ่มอีก ให้มีสัก 10 สาขา ซึ่งตรงนั้นน่าจะเป็นจุดที่กำลังพอดี เราจะดูแลไหว โดยไม่ต้องขยับอะไรมากนัก แค่ขยาย DC นิดๆหน่อยๆ ไม่ต้องถึงกับย้ายที่ใหม่ เพราะว่าถ้าเกิน 10 สาขานี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ครั้งนึง เราคิดว่าเราจะเปิดสาขา ที่บริเวณแยกจอหอ ตรงโรงทอเดิม แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป Korat Startup : แต่ทุนส่วนกลางขยายสาขามาเยอะขนาดนี้ คิดว่าเรามีจุดแข็งที่จะสู้เขาได้อย่างไร? หมอยาพลาซ่า : ก็ต้องสู้ทุกอย่างที่จะทำได้ อย่างล่าสุด สาขาหนองปรือ เรามีทำเลที่สู้ได้ เราออกโปรโมชั่นที่ยอมมีกำไรน้อยลง ขอแค่เราอยู่ได้ก็พอ และเราไปเปิดทีหลัง ซึ่งแต่เดิมมีโลตัสเอ็กเพรสอยู่แล้วนะ เราตามไปประกบเขาอีกที เพราะเขามีสาขาเยอะแยะ แต่เราก็ถือว่าอยู่ได้ เราแฮปปี้ เพราะถือว่าของเรามีจุดแข็งเป็นร้านยาด้วย แต่ตอนนี้เภสัชกรหายากมาก ในอนาคตอาจจะลดตรงนี้ลง และจะไปเน้นสินค้าบิ้วตี้ เพื่อความงามมากขึ้น เพราะเราถือว่าเรามีความเข้มแข็งอีกจุดหนึ่ง ถ้าเราไม่สู้เลย เราจะไม่มีที่ยืน เราสู้ตามความพร้อมที่เรามี เราพร้อม เราก็ไป บวกกับเราได้คิดโมเดลใหม่ด้วย เราอยากจะลองทดสอบดู Korat Startup : แล้วตรงไหนคือจุดอ่อนของ หมอยาพลาซ่า? หมอยาพลาซ่า : น่าจะเป็นในส่วนอาหาร เพราะตอนนี้อย่างที่ทราบกัน ว่า CP มีความเข้มแข็งมาก ในเซเว่น มีของกินแทบทุกอย่าง เขาเข้มแข็งมากในระดับโลกเลยนะ เราคิดว่าโลตัสเอ็กเพรสเองก็ยังมีจุดอ่อนตรงนี้เช่นกัน เราสู้เขาไม่ได้เพราะกลางดึก เซเว่นเขามีของกินขาย แต่เรายังขาดตรงนี้อยู่ เราก็มองเห็นถึงจุดอ่อนตรงนี้นะ เราจึงอยากหาผู้ประกอบการท้องถิ่นมาเป็นหุ้นส่วน เอาที่มีมาตรฐาน มาร่วมกับเรา อาจจะเป็นเบเกอรี่ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ให้แก่ผู้บริโภค เพราะเราก็มีฐานลูกค้าของเราอยู่แล้ว และหุ้นส่วนของเรา จะได้มีช่องทางการขายสินค้าของเขาเพิ่มขึ้น แต่ขอที่มีมาตรฐานและคุณภาพหน่อย Korat Startup : ปัจจุบันโคราชเรานี่ ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่นี่เปิดเพิ่มแทบจะทุกซอยนะ แล้วหมอยาพลาซ่า ได้รับผลกระทบบ้างหรือยัง? หมอยาพลาซ่า : ก็กระทบอยู่นะ แต่ก็อย่างที่บอก เราเอาแค่เราอยู่ได้ “เราเน้นทำ ในสิ่งที่เราถนัด ไม่ได้ทำเพื่อแข่งกับใคร” ยกตัวอย่างสาขาที่กระทบมากๆเลยคือ สาขาหนองไผ่ล้อม หลังจากที่เซเว่นมาเปิด เขาได้ทำเลดีมากๆนะ เพราะอยู่ตรงตลาดพอดี ยอดขายเราก็ตกไป เปรียบเทียบกรณีเดียวกันกับของเรา ที่ไปเปิดสาขาตรงตลาดหนองปรือ ยอดขายเราก็โอเค น่าจะตั้งแต่วันแรกเลยด้วยซ้ำ เราเปิดวันแรกนี่ เซเว่นกับโลตัสตรงนั้น เงียบเหงาไปเลย Korat Startup : สาขาหนองไผ่ล้อมที่ว่าได้รับผลกระทบ แล้วมีการปรับตัวไปบ้างหรือยัง? หมอยาพลาซ่า : เราก็ปรับไปแล้วนะ เรารีโนเวทสาขาใหม่ ปรับปรุงระบบไฟส่องสว่าง ระบบแอร์ แต่ก็ด้วยข้อจำกัดเรื่องที่จอดรถ เลยช่วยไม่ได้มากเท่าไร เราเองก็พยายามเพิ่มสัดส่วนสินค้า เพื่อเพิ่มให้ยอดขายเรามากขึ้นด้วย และต้องปรับตัวตลอด ตอนนี้ทุกสาขาของเรา ก็เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เช่นกัน Korat Startup : แล้วหมอยาพลาซ่ามีมุมมองอย่างไร หากพูดถึงการขยายสาขาเข้ามาบ้านเรา ของศูนย์การค้าจากส่วนกลาง หลายกลุ่มอย่าง Terminal 21, Central Plaza นี่ยังไม่รวมถึงไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่าง โลตัส บิ้กซี ก็มีแผนที่จะเพิ่มสาขาในบ้านเราเช่นกัน และแว่วๆว่า อิออนมอลล์ ก็มามองที่แถวๆ ตลาดเซฟวัน ทำไมเขาสนใจจะมากันเยอะจัง? หมอยาพลาซ่า : เรามองว่าตัวโคราชเอง มีจำนวนประชากรที่เยอะนะ ถ้ามองแค่บ้านเรา ก็ 2 ล้านกว่า เกือบๆ 3 ล้าน ประชากรแฝงที่เข้ามาอาศัยในจังหวัดนี่ ก็น่าจะ 3 ล้านนะ ไหนจะมีจังหวัดบริวารรอบๆ บ้านเราอีก ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ บางส่วนเขาก็เลือกที่จะมาใช้บริการที่บ้านเรา หากมองผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี เราเป็นรองแค่ขอนแก่น แต่บ้านเราตลาดใหญ่กว่ามาก เพราะคนเยอะ หากมองว่าที่เขามาเปิดพร้อมกัน น่าจะเป็นเพราะแต่ละเจ้า เขาก็มีจุดแข็งของเขา เขาอยากมาแชร์ตลาด อยากมาแบ่งเค้ก ถ้าเปิดครบหมด พื้นที่ค้าปลีกของบ้านเรา รวมๆกันทุกเจ้า นี่หลายแสนตารางเมตรเลยนะ อาจจะเจอว่า บางที่อาจจะอยู่ยากหน่อย Korat Startup : แล้วสรุปว่า ถ้ามีทุนจากส่วนกลางมาบ้านเราเยอะๆ นี่ดีหรือไหม? หมอยาพลาซ่า : ต้องถามก่อนว่าดีกับใคร ถ้ากับผู้บริโภค นี่ถือว่าดี เพราะ ผู้บริโภคอย่างเรามีตัวเลือกเยอะขึ้น อย่างสมมติวันนี้เราอยากกินข้าว เราเลือกไป Terminal 21 ก็ได้ เพราะจุดเด่นของเขาคือ อาหารที่ฟู้ดคอร์ดถูกมาก คุณภาพก็ดี นี่ก็เป็นแม่เหล็กอีกอย่างหนึ่งที่จะดึงดูดคนไปใช้บริการของเขา แต่ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้น ที่ต้องหาทางแก้ไขคือ ปัญหาการคมนาคม ปัญหารถติด เพราะห้างใหญ่มาตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ห่างกันไม่กี่กิโลเมตร และอีกปัญหาหนึ่งคือ การค้าบริเวณในคูเมืองที่ปัจจุบันค่อนข้างซบเซาอยู่แล้ว ก็จะแย่ลงไปอีก เพราะคนหันไปเข้าห้างกันหมด ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวกันไป เมื่อไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ผู้บริหารเมืองก็ต้องสนับสนุนด้วย คำว่าปรับตัว พูดง่ายนะ แต่ทำยากมาก
