ในแวดวงประชาสัมพันธ์ น้อยคนจะไม่รู้จัก ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้งคอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด ผู้ที่ได้ชื่อว่า เติบโตทั้งในทางโลกและทางธรรมชนิดหาตัวจับยาก ได้ออกมาเผยวิธีก้าวเป็นที่ 1 ด้วยแรงบันดาลใจ จากประสบการณ์ที่เขาเคยเรียนรู้มา

 

ครั้งหนึ่งเมื่อมีสื่อมวลชนถามถึงมุมมองที่ “ลีกวนยู” มีต่อประเทศไทยเป็นอย่างไร ลีกวนยูตอบสั้นๆ อย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่เคยมองไทยเลย…” พร้อมกับอธิบายว่า ไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดี เป็นศูนย์กลางทางการบิน ขณะที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการเดินเรือ ที่ผ่านมาสิงคโปร์เคยมองว่าไทยเป็นคู่แข่งอยู่พักหนึ่ง ไม่เกิน 5 ปี แต่หลังจากนั้นสิงคโปร์ก็รู้ดีแก่ใจว่า ไทยไม่สามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ได้ เพราะโครงสร้างการศึกษา ยังไม่เอื้ออำนวยให้คนไทยมีคุณภาพสูง มีหลายๆ สัญญาณที่เริ่มแสดงตัวเด่นชัดว่า ไทยใกล้จะเป็นประเทศ ที่ล้าหลังที่สุดในอาเซียน ต่อให้ประเทศไทยยังไม่ได้แพ้ให้กับฟิลิปปินส์ในวันนี้

 

Yin Min Tuay, grade three, works his class exercise in a training center for Burmese children who are brought up to speed in Burmese, Thai and English languages.

 

ปี 2557 ที่ผ่านมาประเทศไทยเติบโตสูงขึ้นเป็นอันดับสุดท้าย 0.9% พอมาปี 2558 นี้เติบโตสูงขึ้น 2.5% ซึ่งเติบโตน้อยที่สุดในอาเซียน และคาดการณ์ว่าในปีหน้า 2559 จะเติบโตสูงขึ้น 2% อีกเรื่องที่น่าตกใจก็คือ เด็กไทยมีคะแนนสอบทุกวิชามีค่าเฉลี่ย 40 กว่าๆ จากเต็มร้อย ทั้งๆ ที่เมืองไทยใช้งบประมาณทุ่มเทให้กับการศึกษามากเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย เรื่องที่คนไม่ค่อยรู้ก็คือ ก่อนหน้านี้เมียนมาได้ลงทุนว่าจ้างเยอรมันให้มาช่วยทำวิจัยกลุ่มประเทศในอาเซียน โดยมีโฟกัสอยู่ที่ประเทศไทยและสิงคโปร์ ดูเผินๆ เหมือนกับว่า เมียนมากำลัง benchmarking เปรียบมวยกับไทยและสิงคโปร์ แต่เอาเข้าจริงแล้ว เป้าหมายของเมียนมาคือ สิงคโปร์ และมองไทยเอาไว้เตือนตน (lesson not to learn)

 

“วันนี้ไทยเราจะแข่งขันได้ ต้องแข่งกันที่สมองซีกขวา ซึ่งเป็นโหมดของความคิดสร้างสรรค์” เราได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่คนชอบใช้ไลน์มากเป็นอันดับ 2 ของโลก เราขึ้นทำเนียบสังคมของนักช้อป แต่เราไม่เคยติดอันดับหนึ่งในประเทศ นักคิดไม่เคยอยู่ในสังคมของนักคิดเลย สิ่งที่เราควรทำจากนี้คือ benchmarking แบบเดียวกับที่เมียนมามีสายตาไว้มองสิงคโปร์” การฉุดประเทศไทย อันดับแรกต้องหัดช่วยตัวเองก่อน ฝึกความเข้มแข็งให้ตัวเองผ่านการขับเคลื่อนนวัตกรรม IDE (Innovation Driven Enterprise) และนวัตกรรมจะงอกเงยขึ้นมาได้ จากการเพิ่มเซลส์สมองให้มากขึ้น ยิ่งทำให้แตกตัวได้มาก ความฉลาดก็จะยิ่งมากตาม

 

“เราสามารถเพิ่มเซลส์สมองจากการพัฒนาสมองซีกขวาซึ่งเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ สมองซีกขวาจะไม่ประเมิน ขณะที่สมองซีกซ้ายจะอยู่กับร่องกับรอย ยึดแม่แบบตำรา อยู่กับกฎระเบียบ สมองซีกขวาชอบออกนอกกรอบ ชอบอยู่กับอะไรใหม่ๆ แต่สมองซีกซ้ายชอบอะไรตรงๆ” เราสามารถทำตัวเองให้ฉลาดขึ้นได้ ด้วยการใช้ทักษะของสมองทั้งสองซีกให้สมดุลกัน ฝ่ายไหนมากกว่าก็ให้มาเพิ่มอีกฝ่ายที่น้อยกว่า ให้หัดทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น เคยใช้มือขวาตักข้าวเข้าปากก็เปลี่ยนให้มือซ้ายมาทำงานแทนบ้าง

 

นอกจากนี้การฝึกสมาธิก็เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยจัดระเบียบการทำงานของสมอง “วอลล์สตรีท เจอร์นัล ออกมาฟันธงแล้วว่า สมาธิคือกุญแจสร้างความสำเร็จ แม้แต่กูเกิลเองยังมีทางเดินจงกรมให้พนักงาน ขณะที่ซิลิคอน วัลเลย์ ก็ออกแบบสมาธิให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร “สุดท้ายแล้วการทำชีวิตให้ประสบความสำเร็จ หรือการสร้างชาติให้มีเศรษฐกิจที่ดี จุดหมายปลายทางคือ การสร้างความสุขร่วมกัน ซึ่งสำคัญกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ภาพต้นฉบับจาก: dc-danai.com และ jrsap.org


Comments are closed.

Check Also

Muuji Festival 2024 เทศกาลดนตรีแบบฉบับญี่ปุ่น ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ฉีกไอเดีย Festival แนวใหม่ Vibes ญี่ปุ่นจัดเต็ม ท่ามกลางเขาใหญ่

พร้อมเข้าสู่ปีที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่! Muuji Festival 2024 … …