มิใช่อินออเจ้า ชาวด่านขุนทดร่วมกันแต่งชุดไทยวิ่งคบไฟ วันฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี เพียงแต่กระแสละครฮิตพาไป ชาวบ้านเห็นแต่งชุดไทย ต่างชมว่าภริยาท่านนายอำเภอ เหมือนแม่หญิงการะเกด เมื่อเวลา 06.15 น. วันที่ 23 มี.ค.61 นายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ รอง ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานพิธีการวิ่งคบไฟงานวันฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารี ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือย่าโม ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยการถวายเครื่องบูชาหมากพลู พวงมาลัย แล้วจุดธูปเทียน กราบที่แท่นหน้าอนุสาวรีย์ย่าโม 1 ครั้ง ทั้งนี้ วันที่ 23 มีนาคม ถือเป็นวันฉลองชัยชนะของท้าวสุรนารี ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา จะจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึงวันที่ 3 เมษายนทุกปี โดยเริ่มจากเช้ามืดวันที่ 23 มีนาคม จัดให้มีการวิ่งคบไฟ 4 มุมเมือง ซึ่ง อ.ด่านขุนทด เป็นอำเภอหนึ่งในสี่อำเภอที่จัดให้มีการวิ่งคบไฟ ทางด้านทิศตะวันตก จากนั้นเริ่มพิธีวิ่งคบไฟ ด้วยการให้ นายมุรธาธีร์ รับเทียนชนวนจากเจ้าพิธีพราหมณ์ และจุดที่ตู้เทียนชัยหน้าอนุสาวรีย์ แล้วนายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ นอภ.ด่านขุนทด ส่งคบเปล่าให้ประธานพิธีนำไปจุดจากตู้เทียนชัย ส่งต่อให้ นางพัชรณัญญ์ มหาชื่นใจ นายกกิ่งกาชาด อ.ด่านขุนทด ถือไปเตรียมวิ่งที่ซุ้มประตูหน้าที่ว่าการ อ.ด่านขุนทด โดยมีกลุ่มสตรีชาวด่านขุนทด แต่งชุดไทยนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อชุดไทย รวมทั้งนางพัชรณัญญ์ ที่แต่งได้สวยงาม จนกลุ่มชาวด่านขุนทด พากันชื่นชมว่าเหมือนแม่หญิงการะเกด ตัวละครเอกในเรื่องบุพเพสันนิวาส เมื่อขบวนพร้อม นางพัชรณัญญ์ มหาชื่นใจ นายกกิ่งกาชาด อ.ด่านขุนทด นำขบวนวิ่งออกจากอำเภอด่านขุนทด ไปตามถนนสีคิ้ว-ชัยภูมิ โดยมีการแบ่งทีมออกเป็นหลายชุด รับคบไฟวิ่งเป็นทอดๆ ระยะทางประมาณ 20 กม. เพื่อไปส่งต่อให้กับ อ.สีคิ้ว ที่เขตรอยต่อ ซึ่ง อ.สีคิ้ว ได้จัดซุ้มโดย นายยุทธ ป้อมเอี่ยม นอภ.สีคิ้ว และนางนภาพร ป้อมเอี่ยม นายกกิ่งกาชาด อ.สีคิ้ว จัดขบวนมารอรับจำนวนมาก เพื่อวิ่งไปส่งต่อให้กับ อ.สูงเนิน และวิ่งเข้าสู่ อ.เมืองนครราชสีมา ร่วมพิธีจุดพลุสี่มุมเมือง เปิดงานวันฉลองชัยชนะท้าวสุรนารีอย่างเป็นทางการเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่มีการส่งมอบคบไฟกันนั้น กลุ่มสตรีทั้งชาวด่านขุนทดและสีคิ้ว ต่างพากันชื่นชมว่าภริยาของนายอำเภอทั้งสองอำเภอ ต่างแต่งกายชุดไทยได้สวยงาม เหมือนแม่หญิงการะเกด พร้อมกับขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย. แหล่งข้อมูล : ไทยรัฐออนไลน์
