รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยได้ข้อสรุปกรอบวงเงินสัญญา 2.2 มูลค่า 3,500 ล้านบาท ในโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน พร้อมเตรียมลงนามสัญญา MOU 2 ฉบับ ในวันที่ 4-5 กันยายนนี้ ย้ำ ทันตอกเสาเข็มเดือนตุลาคมนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกันกับคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 20 ว่าได้ข้อสรุปกรอบวงเงินในสัญญา 2.2 งานจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโยธา ในโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร มูลค่า 3,500 ล้านบาท สูงกว่าจากเดิมที่ตั้งไว้ 3,300 ล้านบาท พร้อมสั่งการให้คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย เร่งสรุปรายละเอียดภายในสัปดาห์นี้ เพื่อนำไปสู่การลงนามสัญญา 2 ฉบับ คือ 2.1 สัญญาการออกแบบ และ 2.2 การควบคุมงานโยธา ในวันนที่ 4-5 กันยายนนี้ ในระหว่างการเยือนประเทศจีนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างเส้นทางตอนที่ 1 ระยะแรก ช่วงสถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ได้ทันตามที่กำหนดไว้ในเดือนตุลาคมนี้ นายอาคม ยืนยัน สัญญา 2.2.การควบคุมงานโยธาที่มีกรอบวงเงิน 3,500 ล้านบาท ไม่กระทบกรอบวงเงินลงทุนภาพรวมของโครงการที่คงอยู่ 1.7 แสนล้านบาท โดยกระทรวงคมนาคมจะรายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้รับทราบด้วย หลังจากนี้ คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย จะทยอยออกแบบรายละเอียดช่วงต่อไปของโครงการ ได้แก่ ช่วงที่ 2 ปากช่อง-คลองขนานจิตร ระยะทาง 11 กิโลเมตร , ช่วงที่ 3 แก่งคอย-โคราช ระยะทาง 119.5 กิโลเมตร และช่วงที่ 4 แก่งคอย-บางซื่อ ระยะทาง 119 ให้แล้วเสร็จภายในกลางปี 2561 ส่วนการจัดอบรมมาตรฐานวิศวกรจีน จำนวน 430 คน ที่จะมาดำเนินโครงการฯ จะเริ่มอบรมและทดสอบให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน-พฤษจิกายนนี้ อีกทั้งไทยและจีนยังได้เห็นชอบเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยยีร่วมกันรวม 11 สาขา รวม 4 แขนง ได้แก่ 1.การออกแบบและควบคุมงาน , 2.การเดินรถและซ่อมบำรุง , 3.ตัวรถ EMU และ 4.ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่ – Voice TV หมายเลข 21
