ความประทับใจที่ท่านมีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 “พระองค์เป็น ‘กษัตริย์นักพัฒนา ผู้ทรงงานหนักสุดในโลก’ กล่าวคือ ตลอดระยะเวลายาวนานหลายทศวรรษ นับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงงานอย่างหนัก และตรากตรำพระวรกายมายาวนาน เพื่อต่อสู้กับความยากจน และสร้างความอยู่ดีมีสุขแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ โดยได้พระราชทานพระราชดำริ และโครงการพัฒนาไว้มากกว่า 4,447 โครงการ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี กินดี มีสุขภาพอนามัยแข็งแรง มีการศึกษา มีอาชีพมั่นคง และดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี นับเป็นการวางรากฐานการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนให้ปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง” ช่วยแสดงทัศนะในฐานะตัวแทนของ ‘ทหารแห่งพระมหากษัตริย์’ (แนวทางการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ในฐานะเป็นข้าราชการทหาร) “จะปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่รับผิดชอบ และที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล กองทัพบก อย่างเต็มขีดความสามารถ ทั้งด้านเตรียมความพร้อมของกองทัพ สำหรับการรับมือต่อภัยคุกคามทุกรูปแบบ การป้องกันอธิปไตย การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย ตลอดจนการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ และขอเจริญรอยตามพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธาน และน้อมนำแนวพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาประพฤติปฏิบัติ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง ประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติสืบไป” โดยส่วนตัวแล้ว ท่านได้น้อมนำเอาพระราชดำรัสใด ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน “ความกตัญญู พระองค์ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่อยู่สูงสุด แต่ทรงมีความกตัญญูต่อสมเด็จแม่ และสมเด็จพี่ คือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในเรื่องความกตัญญูพระองค์ท่านไม่เคยละทิ้งเลย นอกจากนี้ยังน้อมนำเรื่องที่พระองค์ท่าน ‘ทรงมองส่วนรวมมากกว่าส่วนพระองค์’ ทรงช่วยเหลือประชาชนคนไทยทั่วราชอาณาจักร และทุกภาคส่วน” ที่มา : นิตยสารมอร์มูฟ ฉบับที่ 108
