เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 สิงหาคม ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน และผู้บริหารท้องถิ่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เปิดเผยว่า ในที่ประชุมได้หารือและรับฟังปัญหาต่างๆเกี่ยวกับเรื่องน้ำและพืชผลทางการเกษตร โดยนายกฯได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัฒน์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯแสดงความยินที่ได้พบกับผู้แทนองค์กรทั้งภาคราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้แทนภาคเอกชน และผู้แทนเกษตรกรในภาคอีสาน ที่หารือถึงแนวทางการพัฒนาภาคอีสาน เนื่องจากภาคอีสานมีศักยภาพ และสามารถพัฒนาเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงอื่นๆ ได้แก่ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนต่างๆ กลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี และเส้นทางสายไหม( One Belt – One Road )ซึ่งจะช่วยสร้างความเจริญเติบโตให้กับประเทศได้ จึงต้องการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาภาคอีสาน ที่มุ่งสร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้า และสร้างความเป็นธรรมในสังคมแก่คนรุ่นต่อไป เพื่อช่วยพัฒนาภาคอีสานให้เป็นจุดเชื่อมโยงและประตูสู่ภาคตะวันออกและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทั้งนี้ในที่ประชุมผู้แทนจากกลุ่มต่าง ๆ ได้เสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาภาคอีสาน อาทิ ผู้แทนจากส่วนราชการจังหวัด ได้เสนอให้มีการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะการเร่งรัดโครงการที่จะสามารถลดปัญหาการบริหารจัดการน้ำได้ อาทิ โครงการอ่างสะพุง การก่อสร้างประตูระบายน้ำ เป็นต้น ส่วนผู้แทนจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เสนอให้สร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กแบบหลุมขนมครก เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำนอกเขตชลประทาน โดยขอรับการสนับสนุนด้านเครื่องจักรกลสำหรับการเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำให้กับเกษตรกรในพื้นที่

นอกจากนี้ ยังเสนอให้รัฐบาลเพิ่มและสนับสนุนโครงการหรือมาตรการใด ๆ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวอีสานให้ดียิ่งขึ้นได้ อาทิ การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในภาคอีสาน โครงการธนาคารต้นไม้ และการปรับระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ด้านผู้แทนจากภาคเอกชนเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการน้ำ เพื่อรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการให้เพียงพอ และเห็นควรให้มีการบริหารจัดการช่องทางผ่านแดนของคนกับสินค้าในลักษณะบริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จ ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสนับสนุนให้บูรณาการการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และผู้แทนจากสภาเกษตรกรเสนอให้มีการจัดทำผังเกษตร ให้สอดคล้องกับการจัดทำแผนการจัดหาน้ำ เชื่อมโยงกับเกษตรนอกเขตชลประทาน พร้อมทั้งขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการปลูกพืชน้ำน้อยและเมล็ดพันธุ์ด้านพืชไร่ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งนายกฯได้รับฟังความเห็นและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับนำประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาและดำเนินการ บนพื้นฐานของความจำเป็นและความคุ้มค่า รวมทั้งคำนึงถึงความเหมาะสมและกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตามนายกฯเน้นย้ำว่าการรักษาความสงบสุขในสังคมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนาภาคอีสาน หากประชาชนภายในประเทศขัดแย้งกันเองก็จะทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย และไม่สามารถพัฒนาประเทศไปตามที่ต้องการได้ ดังนั้นทุกคนต้องร่วมมือกันในการหาแนวทางพัฒนาที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาประเทศได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

จากนั้นบรรดาข้าราชการได้เข้ามาให้กำลังใจขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ก่อนที่นายกฯจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง และการบริหารจัดการน้ำของ จังหวัดนครราชสีมา ทั้งระบบที่อ่างเก็บน้ำบึงกระโตน อ.ประทาย รวมทั้งไปเยี่ยมชมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ และพบปะประชาชน ณ ศูนย์การเรียนรู้และขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บ้านหนองขี้เหล็ก อ.โนนแดง

 


แหล่งข้อมูล : มติชนออนไลน์


Comments are closed.

Check Also

แกรนด์โอเพ็นนิ่ง “โคเอ็น” แบรนด์ดังร้านบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นปิ้งย่าง-ชาบู-ซูชิ ผงาดเจาะตลาดอีสาน ประเดิมโคราชแห่งแรก!

ดีเดย์ แกรนด์โอเพ็นนิ่งสุดยิ่งใหญ่ KOUEN PREMIUM BUFFET … …