นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่าการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ช่วงที่ 1 สถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตรนั้นจะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่กำหนดโดยจะเร่งจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมทางหลวง (ทล.) และรฟท. ก่อนวันที่ 21 ธ.ค. เพื่อให้ทล.สามารถเปิดหน้างานเริ่มก่อสร้างได้ตามกำหนดการสำหรับประเด็นด้านวัสดุที่จะใช้ก่อสร้างในช่วงแรกนั้นจะเร่งหารือกับฝ่ายจีนให้ได้ข้อสรุปภายในกลางเดือน ธ.ค.นี้ โดยเฉพาะเรื่องสัดส่วนว่าจะใช้ของจีนเท่าใดและใช้ของไทยเท่าใด แต่ทั้งนี้มั่นใจว่าในการก่อสร้างระยะแรก 3.5 กิโลเมตร จะใช้วัสดุจากจีนเพียง 5% เพื่อก่อสร้างช่วงแรก 3.5 กิโลเมตรเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นงานดินถมที่เน้นวัสดุจำพวก คอนกรีต หินและดิน ซึ่งวัสดุของไทยมีมาตรฐานเทียบเท่าตามที่จีนกำหนดมาในรายละเอียดการออกแบบโครงการ โดยวัสดุของจีนที่จะนำเข้ามาใช้นั้นเป็นวัสดุที่ไทยผลิตไม่ได้อาทิวัสดุแผ่นใยสังเคราะห์สําหรับงานดิน (GEOTEXTILES) เป็นต้น

ด้านนายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน ช่วง ระยะทาง 3.5 กม.นั้นในวันที่ 21 ธ.ค. นี้จะมีการวางศิลาฤกษ์จุดที่จะเริ่มก่อสร้างระยะแรก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ-นครราชสีมา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท โดยที่ผ่านมากรมทางหลวงได้ลงพื้นที่ดูพื้นที่ก่อสร้างแล้ว พบต้องมีการปรับปรุงพื้นที่เบื้องต้น รวมทั้งการรื้อย้ายรางรถไฟระยะทาง 700 เมตร ดังนั้นจึงคาดว่าการก่อสร้างระยะแรก 3.5 กิโลเมตรนั้นจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ทั้งนี้ทางกรมทางหลวงได้มีการแบ่งทีมงานก่อสร้างออกเป็น 3 ชุด ขึ้นตรงต่อผู้จัดการโครงการเพียงคนเดียวเพื่อให้งานเดินหน้าได้เร็วขึ้น ออกจากแนวเขตการก่อสร้างด้วย ซึ่งทล.ได้เตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือ เครื่องจักร กำลังคน ไว้แล้ว

ด้านศ.ดร. อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวว่าความคืบหน้าการทดสอบวิศวกรจีนที่จะเข้ามาทำงานในโครงการรถไฟไทย-จีนนั้น ปัจจุบันได้ดำเนินการทดสอบวิศวกรจีนเป็นรุ่นที่ 3 โดย มีจำนวนวิศวกรจีนทดสอบรวมกันหมด 226 คน สำหรับวิศวกรจีนที่ยังเหลือค้างอยู่อีกประมาณ 70 กว่าคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวิศวกรควบคุมงานก่อสร้าง ยังรอความชัดเจนจากจีนว่าจะพร้อมเข้ารับการอบรมและทดสอบเมื่อใด ซึ่งทางสภาวิศวกรมีความพร้อมที่จะทำการอบรมและทดสอบตลอดเวลา สำหรับเรื่องการถ่ายโอนเทคโนโลยีจากประเทศจีนนั้น ขณะนี้ทางไทยต้องการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีที่จำเป็นเร่งด่วน 2 ด้าน คือ 1. ด้านการเดินรถและซ่อมบำรุง (operation and maintenance) และ 2. ด้านการออกแบบ (design)

 


แหล่งข้อมูล : โพสต์ทูเดย์
ภาพประกอบ : Thaihomeonline


Comments are closed.

Check Also

แกรนด์โอเพ็นนิ่ง “โคเอ็น” แบรนด์ดังร้านบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นปิ้งย่าง-ชาบู-ซูชิ ผงาดเจาะตลาดอีสาน ประเดิมโคราชแห่งแรก!

ดีเดย์ แกรนด์โอเพ็นนิ่งสุดยิ่งใหญ่ KOUEN PREMIUM BUFFET … …