เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ต.อ.ปฏิยุทธ สิงห์สมโรจน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เปิดเผยถึงคลิปเหตุการณ์ระทึกที่มีผู้แชร์ภาพเหตุการณ์คนร้ายวัยรุ่นขับขี่รถยนต์เก๋งสีขาว ถืออาวุธปืนโชว์อยู่ในรถ และขับขี่หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่จนไปชนกับรถยนต์ของชาวบ้านเสียหายหลายคันว่าโดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 14 มกราคม 2560 เวลาประมาณ 16.15 น. ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมาได้รับแจ้งว่า มีชายวัยรุ่นขับรถยนต์เก๋งสีขาว ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน ขต 7417 นครราชสีมา ใช้อาวุธปืนข่มขู่ประชาชนที่เป็นคู่กรณี เหตุเกิดภายในซอย 30 กันยา หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน แล้วชายคนดังกล่าวได้ขับรถหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิทยุสกัดจับ พร้อมระดมกำลังออกติดตาม จนกระทั่งพบชายผู้ก่อเหตุขับรถยนต์เก๋งคนดังกล่าวบริเวณถนนท้าวสุระ ใกล้กับเรือนจำกลางนครราชสีมา ซึ่งเมื่อชายคนขับเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ยอมหยุดรถ แต่กลับขับรถหลบหนีเจ้าหน้าที่แบบไม่คิดชีวิต โดยตลอดทางได้ขับชนรถยนต์ของชาวบ้านเสียหายไปหลายคัน ก่อนที่ชายคนขับจะขับขี่รถย้อนศรขึ้นไปบนถนนสายราชสีมา-โชคชัย ช่วงบริเวณสะพานสูงหัวทะเล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจอดรถขวางทาง และยิงยางรถของชายคนดังกล่าวเพื่อสกัดจับ จนรถเก๋งของชายคนดังกล่าวพุ่งชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจพังเสียหายยับเยิน และคนขับจนมุมถูกตำรวจจับกุมได้ในที่สุด

พ.ต.อ.ปฏิยุทธกล่าวต่อว่าจากตรวจค้นในรถคันเก๋งของชายคนดังกล่าวพบอาวุธปืนลูกซองสั้นเบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 1 นัด และพบยาบ้าตกอยู่ในรถอีกจำนวน 8 เม็ด จับกุมชายคนขับทราบชื่อคือ นาย วรชัย ประวัติพร อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ โดยสาเหตุของเรื่องนี้เกิดจากเรื่องของความหึงหวง เนื่องจากก่อนเกิดเหตุนายวรชัยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับชายหนุ่มซึ่งเป็นอดีตแฟนเก่าของแฟนตัวเอง นายวรชัยจึงชักอาวุธปืนขึ้นมาข่มขู่อดีตแฟนเก่าของแฟน ทำให้พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาระงับเหตุ และเมื่อนายวรชัยเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายวรชัยจึงได้พยายามขับขี่รถยนต์เก๋งเพื่อหลบหนีเจ้าหน้าที่ ประกอบกับก่อนเกิดเหตุเพิ่งเสพยาบ้ามาจำนวน 2 เม็ดจึงทำให้เกิดความหวาดระแวงขับรถยนต์หลบหนีตำรวจอย่างไม่คิดชีวิต

“ล่าสุดตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหารายนี้ส่งฟ้องศาลแล้ว พร้อมถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ทางข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ข้อหาเสพยาเสพติด ข้อหาหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ และข้อหาขับรถชนทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายแล้วหลบหนี”พ.ต.อ.ปฏิยุทธกล่าว

 

logo-matichon-classic

แหล่งข้อมูล : มติชนออนไลน์


Comments are closed.

Check Also

แกรนด์โอเพ็นนิ่ง “โคเอ็น” แบรนด์ดังร้านบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นปิ้งย่าง-ชาบู-ซูชิ ผงาดเจาะตลาดอีสาน ประเดิมโคราชแห่งแรก!

ดีเดย์ แกรนด์โอเพ็นนิ่งสุดยิ่งใหญ่ KOUEN PREMIUM BUFFET … …