นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจท้องถิ่นที่น่าจับตามองเมื่อ “หมอยา” นำโดย “หมอโจ้-เภสัชกรจักริน เชิดฉาย” จับมือนักธุรกิจอสังหาฯ “ทรงศักดิ์ จันทร์รัตนปรีดา” เปิดแบรนด์โมเดลใหม่มินิมาร์ท “หมอยาพลาซ่า TODAY” ทุ่มงบสาขาละไม่ต่ำกว่า 6 ล้าน สู้ศึกค้าปลีกมินิมาร์ทสะดวกซื้อ เจาะชุมชนใหญ่ หลังจากเปิดสาขาแรกชุมชนศรีษะละเลิง สาขา 2 ถนนช้างเผือกทางไปรพ.มหาราช ล่าสุดเปิดสาขาหน้าประตู 1 มทส. พร้อมเตรียมอัพเกรดโปรเจ็กต์ใหม่เปิดเป็นห้างไซส์ใหญ่ที่ดิน 4-5 ไร่ ทุ่ม 70 กว่าล้านบาท ขายทั้งปลีกและขายส่ง “หมอโจ้” เผยเล็งผุดร้านธุรกิจแนวใหม่ ขายสินค้าแนวครอบครัวแม่และเด็กอีก 2 แห่ง ในเมือง ลั่น “โคราชเป็นเมืองที่ตลาดค้าปลีกสู้กันหนักมาก แต่สำหรับร้านหมอยาฯขอสู้ตาย เพราะยังไงเราก็ต้องสู้” . 2 ทุนท้องถิ่นโคราชจับมือเปิด “หมอยาพลาซ่า TODAY” บุกชุมชนใหญ่ เภสัชกรจักริน เชิดฉาย เปิดเผยว่า “ร้านหมอยาพลาซ่ารูปแบบเดิมมี 7 สาขา แบ่งเป็นร้านขายยาและมินิมาร์ท 5 สาขา ส่วนอีก 2 สาขาเป็นร้านขายยา-มินิมาร์ทและบิวตี้ 2 สาขา มาถึงปีที่แล้วเราได้มีการรีแบรนด์ให้เป็นร้าน “หมอยาพลาซ่า TODAY” เปิดสาขาศรีษะละเลิงเป็นแห่งแรกใช้งบลงทุนกว่า 6 ล้านบาท โมเดลใหม่ “หมอยาพลาซ่า TODAY” ถือได้ว่าเป็นร้านหมอยาพลาซ่ารูปแบบใหม่ทันสมัยขึ้น การจัดวางสินค้าดูง่าย พร้อมโปรโมชั่นลดราคาฉลองเปิดร้านใหม่และลุ้นโชคควบคู่ไปด้วย โดยแบรนด์ใหม่ครั้งนี้มีพันธมิตรใหม่อย่าง คุณทรงศักดิ์ จันทร์รัตนปรีดา เจ้าของหมู่บ้านโฮมการ์เด้นท์วิลล์มาเป็นหุ้นส่วนด้วย เพราะคุณทรงศักดิ์ สนใจในธุรกิจค้าปลีกเลยมาร่วมกันทำธุรกิจนี้เพื่อต่อยอดแบรนด์ท้องถิ่นให้แข็งแรง และจะขยายสาขาใหม่ในโคราชตามทำเลชุมชนใหญ่ๆ รวมไปถึงสาขาต่างจังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย” . เมื่อจุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อน “จุดแข็งของหมอยาพลาซ่าคือร้านสะดวกซื้อที่เป็นร้านยาที่มีเภสัชกรให้บริการ แต่ปัญหาของเราที่ผ่านมาคือการที่จะมีเภสัชฯทุกสาขาเป็นเรื่องยาก ส่วนใหญ่มาอยู่ได้ 1-2 ปีก็ไป ทำให้การขยายสาขาทำได้ยาก ซึ่งถ้าร้านหมอยาไม่มีเภสัชกรก็จะทำให้จุดแข็งอ่อนลงไป หากเปลี่ยนเป็นแค่ขายยาสามัญประจำบ้านพอจะทำให้จุดแข็งเราหายไปหรือไม่ เคยลองที่สาขาศรีษะละเลิง ยอดขายก็ดีอาจเป็นเพราะทำเลติดตลาด สินค้าที่นำไปขายก็ตอบโจทย์ชุมชนแถวนั้น ปัญหาเภสัชกรไม่พอเกิดขึ้นกับทุกร้านทุกแบรนด์ไม่ใช่เฉพาะหมอยาเท่านั้น และกฎหมายเรื่องยาก็เข้มข้นขึ้นเราจึงต้องมาหาทางออกใหม่ เราจึงมาทำรูปแบบโมเดลใหม่เป็นมินิมาร์ทที่มีโซน “เฮลท์แอนด์บิวตี้” มากขึ้น มีโซนขายยาประจำบ้านที่สำคัญมีครบแต่ไม่มีเภสัชกร ส่วนอนาคตหากเราหาเภสัชฯได้ตรงนี้ก็ปรับเปลี่ยนโซนยาใหม่ได้เช่นกัน และสามารถขยายสาขาได้ไม่จำกัดอีกด้วย” . ทุนท้องถิ่นถึงเวลาปรับตัวสู้ศึกค้าปลีก “แต่เราจะไม่กำหนดพื้นที่ชัดเจนลงไป ต้องดูสถานที่แต่ละแห่งของการเปิดสาขาใหม่เป็นหลัก หากเป็นตึกหรือห้องแถวที่มีขนาด 50-100 ตร.ม. ก็สามารถปรับให้ลงตัวเปิดสาขาได้เช่นกัน ส่วนอนาคตอาจจะเปิดไซส์ใหญ่เลยก็ได้ เพราะในยุคนี้มีร้านสะดวกซื้อแบรนด์ใหญ่ๆ อย่าง “เซเว่นฯและโลตัสเอ็กซเพรส” เปิดเต็มไปหมด แต่ความที่เราเป็นคนท้องถิ่นความเข้าใจเข้าถึงคนท้องถิ่นและปรับตัวให้ทันสมัย แม้ยุคนี้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เราก็ปรับตัวทั้งสินค้าและบริการและราคาสู้ แม้ต้นทุนจะราคาสูงกว่า แต่เรายอมลดราคาสินค้าลงให้ถูกกว่าเพื่อให้ได้กำไรน้อยลง ก็สามารถสู้แบรนด์ใหญ่ๆ ได้เช่นกัน” . ปีเดียว 2 สาขา “ศรีษะละเลิง-ช้างเผือก” เภสัชกรจักริน กล่าวอีกว่า “บริษัทใหม่ที่เป็นการร่วมทุนร้านหมอยาพลาซ่า TODAY คือ “บจก.ทูเดย์เซฟ” ชื่อก็บอกแล้วว่า “ถูกทุกวัน” เป็นสิ่งที่เราคิดว่าถ้าจะไปข้างหน้าต้องเป็นรูปแบบนี้ ขนาดพื้นที่ประมาณ 200-300 ตร.ม. ขึ้นไป และปี 2558 ร้านหมอยาพลาซ่า TODAY ได้เปิด 2 สาขาแล้ว คือสาขาศรีษะละเลิง และสาขาถนนช้างเผือกทางไปรพ.มหาราช” เตรียมปรับโฉมใหม่สาขาช้างเผือก “หลังจาก 2 สาขาแรกที่เปิดไปผลประกอบการพอไปได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาหลักที่สะท้อนจากผู้ใช้บริการคือ หน้าร้านอยู่ลึกไม่ติดถนน ในขณะที่เราเผื่อพื้นที่บริเวณนั้นไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งสามารถรองรับรถได้ 10 กว่าคัน แต่กลับตาลปัตรทำให้คนขับรถมองไม่เห็น เราจึงต้องมีการปรับโฉมยื่นตัวอาคารมาข้างหน้าใหม่ คาดแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนนี้ อีกปัญหาหนึ่งก็คือ สาขาถนนช้างเผือกเราเปิด 24 ชั่วโมง แต่ได้เปลี่ยนเวลาเป็น 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มแทน เนื่องจากช่วงกลางคืนมีคนมาใช้บริการน้อยทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเราจึงต้องปรับเวลาใหม่ สาขา มทส.ติดตลาดชูบิวตี้-เครื่องเขียน เอาใจนักศึกษากลุ่มเป้าหมาย “สำหรับ “หมอยาพลาซ่าTODAY” สาขา 3 หน้าประตู 1 ทางเข้า มทส.อยู่ติดกับตลาดขาออกมทส. มีเนื้อที่ขาย 300 กว่าตารางเมตร ตรงนี้เป็นชุมชนเมืองติดตลาดก็น่าจะไปได้ เรื่องทำเลยสำคัญมาก สาขานี้เรื่องสินค้าบิวตี้ เครื่องเขียน เราให้ความสำคัญ ส่วนยาเรามีเภสัชกรมาควบคุม” “ไต้ฟ้า” ร่วมขายมอ’ไซค์-เครื่องไฟฟ้า สาขามทส. “สาขาหน้า มทส.เราได้เพิ่มพันธมิตรคู่ค้าใหม่เข้ามา มีตู้เทเลคอม, ร้านชาพะยอม และร้านไต้ฟ้ามอเตอร์ มาขายมอเตอร์ไซค์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนด้านนอกก็จะแบ่งพื้นที่ให้เช่าขายอาหารแผงลอยด้วย ส่วนสาขาราชภัฎโคราช คงต้องเบรกไว้ก่อน ขณะนี้กำลังพิจาณาทำเลอื่นๆ เช่น แถวโฮมการ์เด้นวิลล์ สระครกจอหอ และยังเล็งแถวซอย 30 กันยา หน้า ม.ราชมงคลฯอีกแห่งด้วย” ลั่นศึกค้าปลีก “หมอยาขอสู้ตาย” “โคราชเป็นเมืองที่ตลาดค้าปลีกสู้กันหนักมาก แต่สำหรับร้านหมอยาฯขอสู้ตาย เพราะยังไงเราก็ต้องสู้ แต่ช่วง 2-3 ปีนี้โมเดิร์นเทรดเริ่มขยายตัวเยอะ ทำให้ยอดขายร้านท้องถิ่นหดตัวประมาณ 5-10% เพราะฉะนั้นเราต้องขยายสาขาออกไปเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด อาจจะไม่ใช่ผลกำไร และทุกวันนี้เรามีลูกน้อง 150 คนจากทุกสาขาเราจะดูแลเขาอย่างไร อย่างปีที่แล้วผลกำไรไม่ดีแต่เรากลับขึ้นเงินเดือนให้ลูกน้องทุกคน เรามีแนวคิดที่ว่าในเมื่อเราดูแลสังคมมาเยอะแล้ว กลับมาดูแลลูกน้องเราด้วย เรื่องกำไรเรารู้สึกเฉยๆ” เปิดแผนเปิดไซส์ใหญ่ทุ่ม 70 ล้าน “อนาคตอีก 1-2 ปีข้างหน้าหลังจากห้างเทอร์มินอล และเซ็นทรัลพลาซ่า เปิดแล้ว เราก็เดรียมโปรเจ็กต์ใหม่จะขยับไซส์ขึ้นไปสู้กับห้างระดับกลางขึ้นไป ใช้เนื้อที่ขายประมาณ 3-4 พันตารางเมตร ที่ดินประมาณ 4-5ไร่รวมที่จอดรถ ใช้งบลงทุนประมาณไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท ขายสินค้าทั้งส่งและขายปลีก ถ้าโปรเจ็กต์ไซส์ใหญ่ไม่สะดุดอะไรเราพร้อมอัพเกรดสูงขึ้นแน่นอน และเพื่อเป็นการปรับการแข่งขันค้าปลีกให้มากขึ้น เพราะการลงทุนไซส์เล็กต้นทุนก็สูงมาก การขยายสาขาจากมินิมาร์ทเป็นไซส์ใหญ่ขึ้นจึงอยู่ในเป้าหมายต่อไปของเรา” เตรียมเปิดร้านสินค้าแบรนด์ใหม่ “นอกจากนี้เรามีอีกโปรเจ็กต์หนึ่งที่กำลังจะเปิดใหม่ประมาณ 2-3 ร้านอยู่ในเมืองเขตเทศบาลในชุมชน เป็นร้านค้าปลีกขายสินค้าเกี่ยวกับครอบครัวแม่และเด็ก ชื่อยังไม่ขอเปิดเผย เพราะเป็นธุรกิจใหม่ไม่ใช่แบรนด์ “หมอยาพลาซ่า” แบรนด์ใหม่จะใช้เนื้อที่กว่า 200 ตารางเมตร เรามีพื้นที่อยู่แล้วอีกไม่เกิน 2 เดือนจะเปิดได้ 2 แห่ง และหากใครมีห้องแถวทำเลที่ติดหรือใกล้ตลาดหากเหมาะกับเราก็เสนอมาได้ เพราะกำลังหาทำเลห้องแถวเปิดสาขาเพิ่มอีก” เภสัชกรจักริน กล่าวทิ้งท้าย ในขณะที่ทุนยักษ์ใหญ่กรีฑาทัพกันมาเต็มอัตราศึก ทุนท้องถิ่นก็ไม่หวั่น ผลึกกำลังพร้อมประจันบานอย่างเต็มที่เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกลับคืนมา งานนี้หมอยาฯคงต้องทำการบ้านอย่างหนักหน่อยเพราะคู่แข่งแต่ละรายต่างมีไม้เด็ดที่พร้อมงัดมาโค่นล้มธุรกิจท้องถิ่นในศึกที่เรียกได้ว่านับหมัดต่อหมัด นาทีต่อนาทีเลยก็ว่าได้ และนี่คือบททดสอบความอยู่รอดของธุรกิจท้องถิ่นว่าจะสามารถคงอยู่ในสังเวียนเดือดนี้ต่อไปได้หรือไม่ สุดท้ายนี้ คงต้องขอแรงใจแรงเชียร์ของคนโคราชช่วยอุดหนุนธุรกิจของคนโคราชบ้านเอ๋งกันเยอะๆ เด้อ
